แสงสีฟ้าภัยเงียบที่คาดไม่ถึง

แสง ช่วยทำให้เรามองเห็นได้ดีขึ้น ซึ่งถ้าปริมาณแสงไม่พอ จะส่งผลทำให้เรามองเห็นชัดได้น้อยลง ซึ่งที่มาของแสงนอกจากดวงอาทิตย์ที่เป็นแหล่งกำเนิดแสงตามธรรมชาติ พวกแหล่งกำเนิดแสงต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นก็สามารถให้แสงสว่างได้เหมือนกัน แม้มันมีผลดีให้ความสว่างกับเราได้ แต่รู้ไหมว่าในความสว่างนั้นได้มีความอันตรายจาก แสง UV ซ่อนอยู่โดยเฉพาะ “แสงสีฟ้า” วันนี้ เอสซีลอร์จะมาตีแผ่ให้รู้กัน

  • แสงสีฟ้า

 

 

แสงสีฟ้าคืออะไร?


    แสงสีฟ้าคือแสงที่เรามองเห็นอยู่ทุกวัน ถือเป็นหนึ่งในสามของแสงขาวจากแสง UV สามารถมองเห็นได้และมีพลังงานสูง (high-energy visible) หรืออธิบายได้ดังนี้ 
-    แสงทั้งหมดมี 7 สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง และแสงสีฟ้าหรือน้ำเงิน ซึ่งแต่ละสีมีความยาวคลื่นและพลังงานแตกต่างกัน
-    แสงที่เรามองเห็นได้จะอยู่ที่ช่วงความยาวคลื่นประมาณ 400-700 nm โดยแสงสีฟ้าอยู่ที่ช่วงประมาณ 380-480 nm นั่นเอง

 

แสงสีฟ้ามาจากไหน?


    แสงนั้นจริงๆมาจากทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะหลบยังไงแสงก็ยังสามารถที่จะสะท้อนมาหาเราได้อยู่ดี ซึ่งหลักๆ แล้วมาจาก
• ดวงอาทิตย์ มีปริมาณของแสงที่มีความเข้มมากที่สุด เป็นแหล่งกำเนิดแสงจากธรรมชาติ
• อุปกรณ์ต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยเฉพาะจากหลอด LED คือ
-    หลอดไฟ LED ตามบ้านเรือน หรือ แม้แต่ไฟหน้ารถและท้ายรถ
-    อุปกรณ์ ดิจิตอล เช่น นาฬิกา(Smart Watch)
-    จอ TV จอคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุค
-    จอโทรศัพท์ แทบเล็ต 
ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นสามารถปล่อยแสงสีฟ้าออกมาได้ทั้งหมด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกลางแจ้งหรือในร่ม เราก็ยังสามารถเจอแสงสีไฟได้ตลอดเวลา
 

แสงสีฟ้าไม่ดีจริงๆ หรอ?


    ขอบอกก่อนว่าจริงๆ แล้วแสงสีฟ้าที่เราเจอนั้นมี 2 ประเภท คือแสงสีฟ้าที่ดี และ แสงสีฟ้าที่เป็นโทษ 
แสงสีฟ้าที่ดี จะช่วยทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกมาช่วยทำให้เรากระฉับกระเฉง รู้ว่าเวลาไหนควรนอน เวลาไหนควรตื่น หรือแม้แต่บอกว่าเราควรกินตอนไหน ถ่ายตอนไหน เรียกง่ายๆ ว่า “นาฬิกาชีวิต” ที่ทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกตินั่นเอง
สีฟ้าที่เป็นโทษ จะอยู่ในช่วงคลื่นที่ 415-455nm จะเป็นแสงที่ส่งผลเสียทำให้จอประสาทตาเราค่อยๆ เสื่อมลงได้ หากรับในปริมาณที่มากเกินไป

 

แสงสีฟ้าส่งผลเสียยังไง?


แสงสีฟ้าส่งผลเสียโดยตรงกับดวงตา เพราะเป็นแสงที่เรามองเห็นได้ จึงสามารถทะลุผ่านเลนส์ตาและกระจกตาเข้าไปถึงจอประสาทตาได้ หากได้รับเป็นเวลานานจะส่งผล ดังนี้
-    อาการตาล้า เพราะแสงสีฟ้าที่เราจ้องมองอยู่มีความสว่างมากทำให้ดวงตาต้องทำงานอย่างหนัก
-    อาการตาแห้ง เพราะอุปกรณ์ที่เราจ้องมองส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กทำให้เราต้องจ้องมองมากกว่าปกติ
-    จอประสาทตาอาจเสื่อมได้ เนื่องจากแสงสีฟ้าสามารถทะลุเข้าไป และทำลายเซลล์รับแสงในจอประสาทตาได้ และอาจเป็นปัจจัยสำคัญของการสูญเสียการมองเห็นได้นั่นเอง
ดังนั้นจึงควรป้องกันไว้ดีกว่าแก้ หากปล่อยไว้นานอาจจะสายเกินไป แล้วควรทำยังไงล่ะ
 

ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องดวงตาของเรา

- Blue UV Capture นวัตกรรมใหม่ในการปกป้องดวงตาจากแสงสีน้ำเงินชนิดอันตราย ด้วยฟีเจอร์ล่าสุดที่มาพร้อมกับคุณสมบัติดูดซับช่วงคลื่นแสงที่เป็นอันตรายในวัสดุเนื้อเลนส์ เลนส์จึงยังคงความใส ไม่ทำให้การมองเห็นสีผิดเพี้ยน

Prevencia เป็นเลนส์กรองแสงสีฟ้า ที่มีคุณสมบัติป้องกันแสงสีฟ้าที่มีโทษ และให้ความสบายตา แม้จะต้องเผชิญกับแสงสีฟ้าตลอดวันก็ตาม

Transitions เลนส์เปลี่ยนสีที่มีคุณสมบัติป้องกันยูวีทั้งภายนอกและภายในอาคาร ซึ่งแสงยูวีภายในอาคารก็คือแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์หน้าจอต่างๆนั่นเอง   
-    Eyezen เป็นเลนส์สำหรับคนที่ใช้อุปกรณ์ดิจิตอลโดยเฉพาะ เนื่องจากต้องใช้การมองระยะใกล้มากเป็นพิเศษ นอกจากจะป้องกันแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายแล้วยังมีคุณสมบัติในการทำให้มองใกล้ได้สบายตาอีกด้วยTransition หรือ เลนส์ปรับสี มีคุณสมบัติป้องกันแสงสีฟ้าได้เช่นกัน แต่มีความพิเศษเมื่อเจอแสงยูวี จะทำให้เลนส์เปลี่ยนสีเข้มขึ้น และ เมื่อกลับมาในที่ร่มเลนส์ก็จะกลับมาใสดังเดิม
แค่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาได้ตรงตามคุณสมบัติที่มีการรับรองระบุไว้ เท่านี้ก็อุ่นใจได้แล้วครับว่าสายตาของเราได้รับการป้องกันจริงๆ ตอนหน้าจะมีความรู้เรื่องอะไรมาบอกนั้นติดตามให้ดีนะ สำคัญไม่แพ้กันเชียวล่ะ

 

FAQ

Does blue-violet light effect your eyes?

Yes, blue-violet light effect your eyes and most of us are easily exposed to the blue violet light from computers, smartphones, the TV and other digital gadgets. Prolonged exposure to the blue-violet light is also the cause of some eye problems

How to check blue cut lenses?

To check blue cut lens, you will need to conduct a blue-violet light filter test. Ideally, blue cut lenses that filter out 20% of the blue-violet light, as recommended, will have a slight yellowish tint on the lens. Though this tint will not be visible when you are wearing the glasses, when you hold them up against the clear sky, you should be able to notice this tint.

Do anti-glare lenses filter blue violet lights?

The function of anti-glare glasses is not the same as blue cut lenses. Anti-glare glasses reduce the impact or the glare of light on your eyes. However, they do not block the visible light spectrum in any way, which is why they do not filter blue-violet light as well. On the other hand, blue cut lenses specifically filter out a majority of the High Energy Visible Light to relieve the strain on the eyes.

Can I use blue violet light filtering glasses all the time?

Since blue light is also present in natural light, you can wear blue-violet light filtering glasses all day. This will not negatively affect your eyes in any way. Even if you don’t do so, it won’t cause any problems. However, if you are spending time in front of the computer, TV or smartphone, it is advisable to wear your blue-violet light filtering glasses to help protect your eyes from the impact of the blue-violet light.

Do kids also need blue violet light filter eyeglasses?

Yes, kids do need to have blue-violet light filter glasses, especially if they spend hours watching television or playing games online or on the smartphone. Now with online classes, hours of online lessons can expose their eyes to blue-violet light which can effect their vision. Hence, children who are exposed to the computer and TV screens for at least more than an hour per day should use blue violet light filtering glasses.

Why blue violet light filtering lenses have a slight yellow tint?

No matter where you are, if there is some amount of light, your eyes will get at least some exposure to blue light. Hence, blue-violet light filtering lenses have a slight yellow tint to filters the blue violet light which can effect your eyes. If blue-violet light filtering glasses have clear lenses, they won’t have a negative impact on your vision; however, they filter out minimum blue light as compared to the tinted lenses.

  • ดวงตาจากแสงสีฟ้า

การป้องกันดวงตาจากแสงสีฟ้า


แสงสีฟ้านั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้ว่าเราจะพยายามหลีกเลี่ยงสักแค่ไหน แต่ก็ยังหนีไม่พ้นอยู่ดี เพราะ มนุษย์เราเอา LED มาผลิตเป็นแหล่งกำเนิดแสงนั่นเอง ทางที่ดีควรป้องกันให้ถูกวิธีจึงน่าจะดีที่สุด ซึ่งทำได้ตามนี้เลย
-    ติดฟิลม์กรองแสงสีฟ้าบนอุปกรณ์ดิจิตอลทุกชนิด แต่ติดฟิล์มดวงอาทิตย์ไม่ได้น่ะเอ่อ
-    หาแว่นที่มีคุณสมบัติเป็น เลนส์ตัดแสงสีฟ้า หรือ เลนส์ป้องกันแสงสีฟ้า เพื่อป้องกันดวงตา ไม่ว่าจะเป็นที่ร่มหรือกลางแจ้งก็จะช่วยป้องกันแสงสีฟ้าได้ตลอดเวลา
              แต่คุณรู้ไหมว่า แว่นกรองแสง หรือ เลนส์กรองแสงแบบปกติที่ใช้กัน สามารถลดแสงสะท้อนและป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้จริง แต่ไม่สามารถป้องกันแสงสีฟ้า ที่เกิดจากอุปกรณ์ดิจิตอล สมัยใหม่ได้!!
              *โปรดจำไว้ว่า แว่นคอมพิวเตอร์ ที่ออกแบบมาเพื่อ กรองแสงคอมพิวเตอร์ แบบเก่านั้นเมื่อนำมาใช้กับอุปกรณ์ดิจิตอล สมัยใหม่ก็ไม่ได้ช่วยลดผลที่เกิดจากแสงสีฟ้าใดๆ เลย

ใช้เวลายาวนานอยู่หน้าจอดิจิตัลหรือเปล่า

สอบถามร้านแว่นตาพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาของเรา เกี่ยวกับเลนส์ที่ปกป้องคุณจากแสงสีฟ้าที่เป็นอันตราย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมถึงต้องใช้เลนส์ป้องกันแสงยูวี ?

การได้รับรังสียูวีที่เป็นอันตรายมากเกินไปเป็นการทำร้ายดวงตา อย่างไรก็ตามคนส่วนมากมักจะไม่ใส่ใจในการปกป้องดวงตาจากรังสียูวี

อ่านเพิ่มเติม

อาการทางสายตาที่สำคัญ:
ตาล้า

ตาล้าเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดอาการหนึ่ง ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกคน เรียนรู้ว่าคุณจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการตาล้าได้อย่างไร

อ่านเพิ่มเติม

ภาวะความผิดปกติทางสายตาที่สำคัญ: โรคตาจากจอคอมพิวเตอร์

การใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานานเกินไป มีผลเสียต่อดวงตา และอาจทำให้เกิดโรคตาจากจอคอมพิวเตอร์ได้

เรียนรู้เพิ่มเติม

แนะนำสำหรับคุณ